ในปัจจุบันมีธีมให้เลือกใช้มากมายทั้งแบบที่ฟรี และแบบเสียเงิน โดยที่เราไม่จำเป็นจะต้องไปจ้างนักเขียนธีมให้เขียนใหม่ตั้งแต่ต้น สามารถสั่งซื้อได้จากเว็บไซต์ที่ขายธีมดัง ๆ อย่าง ThemeForest หรือ Templatemonster เป็นต้น เมื่อเรามีธีมให้เลือกตัดสินใจเลือกซื้อกันแล้ว ต่อไปก็คือเรื่องของการมองหาสิ่งที่เราต้องการ เช่น เว็บไซต์ของเราเกี่ยวกับอะไร เป็นร้านขายสินค้า รีวิวสินค้า ข่าวสาร หรือบล็อกส่วนตัว ทีนี้เราก็ไปดูกันต่อว่ามีธีมไหนบ้างที่ตรงกับความต้องการของเรา โดยอาจจะต้องใช้เวลาในการค้นหา ค้นคว้าข้อมูลกันบ้างเพื่อให้ได้ธีมที่เหมาะสมกับเรา
เมื่อเราระบุได้แน่ชัดแล้วว่าเว็บของเราเกี่ยวข้องกับอะไร เราจะสามารถมองหาธีมที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย ยกตัวอย่างเช่นว่าเราต้องการเว็บขายของ แน่นอนว่าเราต้องเลือกเว็บไซต์ที่ดูเรียบสบายตา มีจุดเด่นอยู่ที่สินค้าเป็นหลัก มีหน้าไฮไลท์แสดงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ มีตะกร้าสินค้า หรือจะเป็นเว็บไซต์ข่าวสารบ้านเมือง ก็ต้องมุ่งไปที่การจัดเนื้อหาข้อความเป็นหลัก โดยเน้นไปที่ความเรียบง่ายแต่ครบถ้วน มีการจัดหมวดหมู่ของข่าวอย่างเป็นระบบ อาจจะแบ่งเป็นกลุ่มเนื้อหาเป็นล็อค และมีไฮไลท์ข่าวอยู่ด้านบน ก็จะช่วยให้เว็บของเรามีจุดเด่นขึ้นมา
ต่อไปเราจะพามาดูวิธีเลือกธีมต่าง ๆ รวมไปถึงเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ตัดสินใจในการเลือกธีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะขอยกตัวอย่างเครื่องมืออันสำคัญของเว็บขายธีมดัง ๆ ที่เรียกว่า Live Preview หรือในบางเว็บไซต์อาจจะเรียกกันอีกชื่อว่า Demo ไอ้ตัวนี้หละคือสิ่งที่จะช่วยให้เราเห็นภาพที่แท้จริงของธีมที่เราต้องการ เราสามารถเข้าไปดูได้ทั้งเว็บแบบ 100% ช่วยให้เราตัดสินใจในการเลือกธีมได้เร็ว และง่ายขึ้น พยายามมองดูองค์ประกอบโดยรวมของธีมเช่น ชื่อเสียงของผู้พัฒนา ธีมที่เขาพัฒนามีจำนวนเท่าไหร่ และผลตอบรับแต่ละธีมเป็นอย่างไร ต่อมาคือเรื่องของโครงสร้างต่าง ๆ ขอแนะนำว่าอย่าหลงกลลูกเล่นของผู้พัฒนาที่ไปนำเอารูปสวย ๆ ในใส่ในธีมตัวอย่างมากนัก เพราะหลายธีมมักจะใช้ภาพที่มีคุณภาพสูง สวย ๆ มาทำให้ธีมของเขาดูสวยงาม แต่เมื่อเราเอามาใช้งานจริง ๆ กลับเข้ากันไม่ได้อย่างแรง
ยอดขายของธีม และอัตราซื้อขายก็มีส่วนสำคัญในการช่วยตัดสินใจ หากธีมที่เราสนใจมีกำลังขายถึงพันกว่าหน่วย นั่นหมายความว่าธีมนี้เป็นที่นิยม และมีแนวโน้มที่ดีว่าจะมีการอัพเดตอย่างต่อเนื่อง ต่อมาคือการดูเวอร์ชั่นปรับปรุงว่ามีการอัพเดตครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ และที่ผ่านมามีการอัพเดตตลอดหรือไม่ การอัพเดตถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากธีมไม่มีการอัพเดต เว็บไซต์ของเราอาจจะตกยุคล้าสมัย หรือไม่ก็เป็นช่องโหว่ให้กับแฮ็คเกอร์โจมตีได้ ดังนั้นเลือกให้ดี ว่านักพัฒนาจะไม่ทิ้งธีมที่เราซื้อมา หากคุณทำตามทั้งหมดนี้นอกจากคุณจะได้ธีมที่เหมาะกับเว็บตัวเองแล้ว ยังได้ธีมที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย